วันศุกร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2557

บทความ

10 วิธี ชนะความโกรธ
บ่อยครั้งที่เราอารมณ์เสีย แล้วก็มักจะไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ สิ่งเหล่านี้น่ากลัวไม่น้อยเลยนะ ทั้งต่อบุคลิกภาพของเราแล้วก็ยังส่งผลให้เสียสุขภาพอีกด้วย เรามาหาวิธีการระงับความโกรธ แบบง่ายๆ กันดีกว่า

1. หลีกเลี่ยง
การหลีกเลี่ยงต่างจากการหลีกหนี ไม่ได้แปลว่าคุณขี้ขลาดหรือกลัวเลยซักนิดเดียว
แต่มันหมายถึงการแสดง EQ ในตัวคุณต่างหากที่สามารถระงับอารมณ์โกรธได้เป็นอย่างดี

2. หาที่ปรึกษา

แต่จะปรึกษาหรือระบายอะไรกับใครทั้งทีก็ดูตาม้าตาเรือหน่อยนะว่าเค้าคนนั้นไว้ใจได้แค่ไหน
ไม่งั้นอาจจะเป็นงูพิษแว้งกัดคุณทีหลังก็ได้

3. กินแก้โกรธ
เรื่องกินเนี้ยไม่เข้าใครออกใครจริงๆ ไม่ว่าใครถ้าลองได้กินอาหารสุดโปรดสุดอร่อยที่ตัวเองชอบ
แล้วล่ะก็ลืมเรื่องอื่นไปได้เลย ว่าแต่อย่าโกรธบ่อยนะเดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

4. เย็นดับร้อน
หา เครื่องดื่มเย็นๆ ซักแก้วเผื่อว่าความเย็นความหวานของเครื่องดื่มจะช่วยดับความร้อน
ภายในใจของเราได้บ้าง แต่อย่าเอาแบบที่แอลกอฮอล์ เพราะมันอาจจะทำให้เราขาดสติเรื่องเล็ก
จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้

5. หัวเราะชนะโกรธ
เพราะ การหัวเราะนั้นมีแต่ประโยชน์ ไม่เคยมีโทษต่อร่างกายเลย คิดซะว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า
 ดูหน้าตัวเองตอนกำลังโกรธในกระจกก็ได้ มันคงตลกไม่น้อยเลย หัวเราะให้ความโกรธมันกระจายไปเลย

6. น้ำตาชนะทุกอย่างได้
การร้องไห้นั้นเป็นการ ระบายความเครียดรวมทั้งระบายความโกรธได้อีกด้วย ลองปล่อยน้ำตาให้ไหล
โดยไม่ต้องบังคับดูสิ แล้วคุณจะรู้ว่าร้องไห้ช่วยไล่ความโกรธได้จริงๆ

7. ร้องเพลงไง
การ ร้องเพลงจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดของกล้ามเนื้อได้เป็นอย่างดี ร้องตะโกนให้มันดังๆ
ปลดปล่อยอารมณ์ออกไปตามเพลงให้เต็มที่ แล้วความโกรธก็จะหลุดลอยไปตามเสียงเพลงนั่นแหละ

8. ลืมมันซะ
หากิจกรรมดีดีทำ เลิกคิดถึงเรื่องที่ทำให้คุณโกรธ ให้สมองได้พักผ่อนอยู่กับสิ่งที่คุณชอบและรักดีกว่า
อย่าไปใส่ใจกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องเลย

9. นอนหลับซะเลย
เวลา ที่คนเราโกรธจะรู้สึกปวดหัวแล้วหัวมันก็เกิดหนักขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมา ก่อน รับรองว่าถ้า
คุณได้นอนหลับเอาแรงซักงีบ เมื่อคุณตื่นขึ้นมาคุณจะต้องรู้สึกดีขึ้นอย่างแน่นอน

10. รู้จักอภัย
ฟัง ดูแล้วออกจะเป็นนางเอกไปซักนิด แต่ลองทำดูซิแล้วคุณจะรู้ว่าการให้อภัย นอกจากจะเป็นการ
ให้โอกาสคนอื่นแล้ว ยังทำให้เราสบายใจขึ้นได้อีกด้วย ลองให้อภัยคนอื่นดูแล้วจะรู้ว่าชีวิตเราดีขึ้น
ขนาดไหน

ที่มา : http://webboard.yenta4.com/topic/386825

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

หมายเหตุ: มีเพียงสมาชิกของบล็อกนี้เท่านั้นที่สามารถแสดงความคิดเห็น